หลังจากพลาดหวังจากซีซั่นก่อน กับโทรฟี่ที่รอคอยอย่างแชมป์ลีกสูงสุด เสียงวิจารณ์ บนความเปลี่ยนแปลงต่างวิ่งเข้าหาสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แบบไร้ทางเลี่ยง

จากทีมจ่าฝูง และอุดมด้วยความพร้อมอย่างที่สุด สุดท้ายพวกเขากลับไปไม่ถึงฝั่งฝันหลังจากเริ่มต้นเลกสอง

ความเจ็บช้ำหอบนำพาทุกความเจ็บปวดของเหล่าทีมงานสตาร์ฟโค้ช รวมไปถึงผู้บริหาร คือสิ่งที่พวกเขารู้ดีว่าต้องนำมันมาแก้ให้ตรงจุด และเชื่อมั่นในแนวทางที่ทีมปฏิบัติมาโดยตลอด

"ออเรลิโอ วิดมาร์" กุนซือของทีมที่เขามาในเลกสองของซีซั่นก่อน เข้ามาเพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงทีม ดังนั้นภาพที่เราเห็นคือทันทีที่ลีกปิดตัว พวกเขาไม่รีรอ รีบคว้าตัว รัชนาท อรัญญไพโรจน์, นิติพงษ์ เสลานนท์, ชญาวัต ศรีนาวงษ์, ปฏิวัติ คำไหม (ผู้รักษาประตู), มาห์มูด เอด, วิลเลน โมต้า ซึ่งนี่คือการเสิรมทัพที่หลายคนมองว่า ตรงจุดและตรงเป้ามากๆ

เมื่อบวกกับผู้เล่นเก่าที่มีนักเตะตัวความหวังอย่าง เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส,  เอเวอร์ตัน กอนคัลเวส, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, วานเดอร์ หลุยส์ น่าจะทำให้ทีมแข้งทีมกลับมาสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ได้แน่

ข้อดีอย่างหนึ่งที่ผมเชื่อว่า ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด มาถูกทางคือแนวทางของ "ขจร เจียรวนนท์" ประธานสโมสร รวมไปถึงผู้บริหารทีมทุกคนที่เข้าใจทุกบทบาทของแต่ละคน ไม่มีลงมาล้วงลูก และที่สำคัญเขาพร้อมสนับสนุนทีมอย่างเต็มที่ และเชื่อมั่นในทีมมาตลอด  

ขณะเดียวกันการมี “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน นั่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของสโมสร ก็ยิ่งการันตีได้ว่า เรื่องราวภาพรวม และข้อมูลต่างๆจะถูกนำมาใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบ และระดับ “โค้ชแบน” ที่อยู่กับทีมมานานรับรองซีซั่นใหม่นี้แฟนๆ ได้เห็นอะไรดีๆ แน่นอน

เมื่อมองไปที่ขุมกำลัง และความพร้อมของทีมแข้งทีมในช่วงที่ผ่านมา ผมขอบอกว่าแม้ผลงานจากซีซั่นก่อนจะจบลงไม่เป็นไปดั่งฝัน แต่มาซีซั่นใหม่นี้พวกเขาพร้อมออกไล่ล่าแชมป์อีกครั้ง

"แม้จะล้ม หรือผิดหวังอีกสักกี่ครั้ง แต่เราจะลุกขึ้นสู้อยู่เสมอ เพราะมีกฎที่เราไม่เคยเปลี่ยน"

สโลแกนของทีมที่ว่า "กฎเรา...ไม่มีคำว่ายอมแพ้” “THERE IS NO GIVING UP IN OUR RULES” นั่นคือตนตนของทีมอย่างทรู แบงค็อก